Bookmark and Share

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเคียงจู


พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเคียงจู

จาก ถ้ำเก็บน้ำแข็งซ็อกบิงโก (Seokbinggo Ice Storage) ขึ่จักรยานตรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกใหญ่ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าไปตามทางนิดนึง จะมาถึงยัง พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเคียงจู (Gyeongju National Museum)

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเคียงจู


ค่าเข้าชม ฟรี!! แต่ต้องเดินไปรับบัตรตรงทางเข้าก่อน

เปิดให้เข้าชมทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 9.00-19.00 น.
ส่วนวันเสาร์ช่วงเดือน มี.ค. - ธ.ค. จะเปิดให้ชมจนถึง 21.00 น.

ก่อนจะเข้าชมยังอาคารหลัก มายังจุดแรกกันก่อนที่หอระฆังด้านหน้า

มีระฆังยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อว่า "ระฆังเอมิลเล่" ที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ น้ำหนักกว่า
20 ตันและมีความสูงถึง 3.4 เมตร ระฆังนี้ สร้างโดยกษัตริย์ Hyegong เมื่อปี
ค.ศ.771

จากนั้นก็มาเข้าชมกันที่ตัวอาคารหลักกันต่อเลย (อาคารรูปที่ 2 จากด้านบน)
เค้าจะไล่ตั้งแต่สมัยยุคหิน มีการนำหินต่างๆ มาสกัดทำเป็นอาวุธ เช่น หอกหิน

ดาบเหล็กที่หล่อจากทองสำริด

บางอันก็สภาพเก่ามาก สนิมขึ้นเกรอะ ตามกาลเวลา

ต่อมาก็เป็นพวกเครื่องปั้นดินเผาต่างๆ

ตุ๊กตาดินเผาเป็นรูปสัตว์

รูปคนสมัยก่อน เค้าก็ปั้นได้น่ารักดีเหมือนกันนะ 555

อันต่อมาเห็นบ่อยตามโบรชัวร์ท่องเที่ยว เป็นเชิงเทียนรูปมังกร

เดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นโซนของเครื่องประดับ เครื่องแต่งกายกษัตริย์
รองเท้าคู่นี้ สะดุดตาอย่างรุนแรง ไม่ใช่เพราะดีไซน์แต่เป็นความใหญ่โตมโหฬารของมัน
ความยาวประมาณด้วยสายตาเกือบๆ 40 cm ใหญ่มากกกก คนสมัยก่อนนี่ตัวโตจริงๆ

ตู้ต่อมาเป็นเครื่องประดับจำพวกแหวน ทำด้วยทองคำแท้ๆ สภาพสมบูรณ์มากๆ

แล้วก็มาถึงตู้ที่ดูโดดเด่นที่สุดในนี้ ก็คือ แผ่นรองอานม้า
รูปม้าบิน 8 ขา เหมือนที่ สุสานทูมูลี แต่สภาพดูดีกว่าเยอะ
เห็นรายละเอียดได้ชัดเจน

ต่อมาอีกหนึ่งชิ้นไฮไลท์กับมงกุฎทองคำ ของกษัตริย์สมัยราชวงศ์ชิลล่า
เหมือนที่เราเห็นในหนังเกาหลีย้อนยุคเรื่อง ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน

จากนั้นก็ออกไปยังตู้ใหญ่ด้านนอกห้องเป็นตู้ที่วางเรียงเครื่องประดับแบบครบเซ็ททั้งตัว
จากบนลงล่าง ตั้งแต่มงกุฎ สร้อยคอ เข็มขัด กำไร แหวน และอื่นๆ อีกเพียบ
ใส่หมดตัวนี้คงหนักน่าดู

ก่อนจะลงจากตึกใหญ่ แวะกันที่จุดสุดท้ายก่อนที่ภาพวาดฝาผนังสมัยยุคหิน

บอกเล่าเรื่องราวความเป็นอยู่ของมนุษย์ในยุคโบราณ การล่าสัตว์ การดำรงชีวิตต่างๆ
หาดูได้ยากเลยทีเดียว

จากอาคารหลักออกไปทางด้านซ้ายมือจะเป็นอาคารทีจัดแสดง
งานศิลปะตามแต่ละเทศกาลต่างๆ

มีรูปวาดสมัยโบราณมาให้ชมกันด้วย

อาคารด้านหลังก็จะเป็น Art Hall แสดงพระพุทธรูปต่างๆ ที่สลักจากหิน
และงานศิลปะอื่นๆ

ใกล้ๆ กันนั้นก็จะมีเจดีย์เก่าแก่อยู่ 2 องค์

จำลองมาจากทาง วัดพุลกุกซา (Bulguksa Temple)
โดยมีขนาดเทียบเท่าใกล้เคียงกับองค์จริง
แนะนำให้ใช้เวลาที่พิพิธภัณฑ์นี้จนถึงประมาณ 5 โมงเย็นจากนั้นค่อยเดินทาง
ไปเที่ยวที่ สระอันอั๊บจิ๊ (Anapji Pond) กันต่อใกล้ๆ